มาทำความรู้จักและความแตกต่างของชาเขียว กับ มัทฉะ กันเถอะ

ชาเขียวมัทฉะ

สารบัญ

ชาเชียว กับ มัทฉะ
ชาเชียว กับ มัทฉะ

ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบว่าชาเขียวแต่ละแบบคืออะไร เราลองมารู้จักกับที่มาที่ไปของมันกันก่อนเลยดีกว่า! ซึ่งชาเขียวมัทฉะกับชาเขียวกรีนทีนั้น มีการใช้ต้นชาชนิดเดียวกันค่ะ นั้นก็คือ Camellia Sinensis บางคนอาจจะงงนะคะแล้วแบบนี้ มัทฉะกับชาเขียว ต่างกันยังไงล่ะ?

ทั้งสองอย่างจะมีความแตกต่างกันตรงสถานที่ในการเพาะปลูกใบชา ขั้นตอนในการเก็บเกี่ยวใบชา กรรมวิธีในการผลิต และรวมไปถึงลักษณะของชาที่ได้ออกมาด้วยเช่นกัน ไม่เพียงแต่ความแตกต่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น

Bread at HÖME

ขนมปัง , โดนัท , ขนมเค้กของทางเล่น , พิซซ่าโฮมเมด

ชาเขียว กับ มัทฉะ ต่างกันตรงไหนกันนะ

เชื่อว่าในปัจจุบันนี้คงไม่มีใครที่ไม่เคยดื่มชา เพราะไม่ว่าจะไปร้านอาหารไหนหรือคาเฟ่ใดๆ ก็สามารถพบเจอได้ตลอด บางร้านก็มีชาหลากหลายชนิดให้เลือก แต่ชาสองชนิดที่หลายคนนิยมรับประทานกันก็คือชาเขียว (Green Tea) และชามัทฉะ (Matcha) แต่ทราบหรือไม่ว่าชาทั้งสองชนิดนี้มีข้อแตกต่างที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ก่อนจะทำความรู้จักกับชาทั้งสอง ต้องกล่าวเบื้องต้นก่อนว่า ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวชนิดไหนๆ ก็มีต้นกำเนิดมาจากต้นชา (Camellia Sinensis) ด้วยกันทั้งหมด เพียงแต่แตกต่างกันไปตามสถานที่เพาะปลูก กรรมวิธีการเก็บเกี่ยว และการผลิตนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ : สปันจ์เค้ก (sponge cake)

เค้กชาเขียว มัทฉะ
เค้กชาเขียว มัทฉะ

เรามาทำความรู้จักชาเขียวกัน

ชาเขียวกรีนที (Green Tea) หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือชาเขียวเซนฉะ (Sencha) มีจุดกำเนิดมาจากประเทศจีน ที่เป็นประเทศต้นตำหรับของการดื่มชามาอย่างยาวนาน โดยชาเขียวกรีนทีนี้ จะมีลักษณะเป็นใบชาเขียวแห้งไม่ใช่ผงชาเขียว กลิ่นหอมของชาจะคล้ายกับกลิ่นหญ้า รสชาติบางเบาทานง่าย รสออกไปทางหวาน ไม่ขมไม่ฝาด เมื่อนำไปชงจะได้เป็นน้ำชาที่มีสีเขียวอ่อนปนเหลือง ลักษณะใส ซึ่งส่วนใหญ่มักจะถูกผสมสีให้มีสีเขียวชัด ๆ และผสมกลิ่นมะลิเข้าไป เพื่อให้ถูกปากคนไทยและดื่มง่ายขึ้นค่ะ 

ชาเขียวกรีนทีได้มาจากการเก็บยอดใบชาที่ปลูกอยู่กลางแจ้ง จากนั้นก็จะนำใบชาไปตากแห้งและอบไอน้ำหรือคั่วด้วยความร้อน ต่อด้วยการนวดและนำใบชาไปอบให้แห้งสนิท โดยไม่ผ่านการบ่มและบดใบชา และเนื่องมาจากกรรมวิธีในการเพาะปลูกและการผลิต ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนอย่างชาเขียวมัทฉะ จึงทำให้ชาเขียวกรีนทีนั้นมีราคาที่ถูกกว่าชาเขียวมัทฉะค่ะ

เมนูแนะนำ : เค้กชาเขียวมัทฉะ

เค้กโฮมเมดของ Bread at HÖME นั้น ใช้ เมล็ดวนิลาแท้ ทุกชิ้น

ชาเขียว มีกี่แบบ?

ชาเขียว ทุกแบบ มาจากต้นชาชนิดเดียวกัน แต่ที่มีชื่อเรียกหลายชื่อ นั่นเป็นเพราะมีกรรมวิธีการเก็บเกี่ยว กรรมวิธีการชง และรสชาติที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีการเรียกชื่อชาเขียวแตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 แบบด้วยกันคือ

1. เคียวคุโระ (Kyokuro) ผลิตจากยอดอ่อนของต้นชา ที่ถูกคลุมด้วยเสื่อฟางในช่วงสัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยว ทำให้เกิดรสหวาน เวลาชงดื่ม จะชงโดยใช้น้ำที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าและใช้เวลาแช่น้ำนานกว่าชาชนิดอื่น ๆ ทำให้เป็นหนึ่งในชาที่มีราคาแพงที่สุดในญี่ปุ่น

2. เซนฉะ (Sencha) เป็นชาเขียวที่ใช้ยอดอ่อนของต้นชาที่เก็บเกี่ยวในเดือนแรก จึงได้ชื่อว่า “ชาใหม่” โดยมักจะมีรสหวานและมีสีเขียวเข้ม แต่รสชาติก็อาจเปลี่ยนไปได้ตามอุณหภูมิของน้ำที่ใช้ชงเช่นกัน ซึ่งถ้าชงด้วยน้ำร้อน รสชาติจะยิ่งขมมากขึ้น

3. โฮจิฉะ (Hojicha) ผลิตจากยอดอ่อนของต้นชาที่ถูกนำไปคั่ว ทำให้ใบชามีสีน้ำตาลแดง เป็นการลดระดับคาเฟอีนและความขมของชาลง ทำให้เมื่อชงกับน้ำแล้ว จะดื่มง่ายขึ้น

4. เกนไมฉะ (Genmaicha) เป็นชาเขียวที่ใช้ยอดอ่อนของต้นชาผสมกับข้าวกล้อง ทำให้มีรสชาติคล้ายถั่ว จึงมีชื่อเล่นว่า ชาป๊อปคอร์น โดยชาเขียวชนิดนี้ ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากนิยมดื่มหลังอาหารเย็น

5. มัทฉะ ( Matcha ) ผลิตจากยอดอ่อนของต้นชา ที่ถูกปลูกโดยไม่ได้รับแสงแดดโดยตรง แล้วนำใบชามาบดให้ละเอียดเป็นผงสำหรับชงดื่ม ด้วยสามารถนำมาละลายกับน้ำได้ง่าย จึงนิยมนำไปใช้ในงานพิธีชงชา และเป็นส่วนผสมในขนมและเครื่องดื่มต่าง ๆ

เรามาทำความรู้กันมัทฉะกัน

ชาเขียวมัทฉะ (Matcha) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น มีจุดเด่นคือจะอยู่ในรูปแบบของผงมัทฉะ สีเขียวมรกตสวยงาม มีกลิ่นหอมอันเย้ายวนของชาเขียวแบบเข้ม ๆ ชวนให้ลิ้มลอง แต่เมื่อได้ลิ้มลองแล้วจะรู้สึกได้ถึงความเข้มข้นสูง หลังจากที่นำไปชงดื่ม เราจะไม่ได้ชาเขียวสีใสอย่างชาเขียวกรีนทีนะคะ แต่เราจะได้ชาเขียวขุ่นสีเข้มแทนค่ะ อีกทั้งยังสามารถตกตะกอนได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ชาเขียวมัทฉะยังมีขั้นตอนในการเพาะปลูกที่ซับซ้อนและเคร่งครัดอย่างมากอีกด้วย นั่นก็คือการทำให้ใบชาปกติอยู่ในรูปแบบของใบชาเทนฉะ (Tencha) นั่นเอง ใบชาเทนฉะหรือใบชามัทฉะ จะถูกปลูกอย่างทะนุถนอม ห้ามโดนแสงแดดโดยตรงอย่างเด็ดขาด จึงมีการปลูกไว้ในที่ร่ม 20 วันขึ้นไป เพื่อให้ได้ใบชาที่มีสีเขียวเข้มสวย และด้วยเหตุนี้เอง ระยะเวลาในการปลูก แหล่งปลูก สภาพอากาศ ดิน และฤดูกาลที่เก็บเกี่ยว จึงมีผลต่อสีและรสชาติไม่แพ้ไปกว่ากรรมวิธีในการผลิตค่ะ

ส่วนกรรมวิธีในการทำใบชาเทนฉะให้เป็นผงมัทฉะ ก็คือการเก็บยอดใบชาไปอบไอน้ำ ทำให้ใบชาแห้ง และโม่บดเพื่อให้ได้เป็นผงมัทฉะละเอียด ๆ ออกมาค่ะ ทั้งนี้ผงชาเขียวมัทฉะก็มีอยู่หลายเกรดหลายระดับ ทั้งกลิ่นหอม รสฝาด รสอูมามิ สี และรวมไปถึงความละเอียดด้วยค่ะ ซึ่งแต่ละเกรดก็จะเหมาะกับการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการชงเครื่องดื่มร้อน เครื่อมดื่มเย็น ผสมเบเกอรี ทำไอศกรีม หรือการนำไปใช้ชงในพิธีการสำคัญก็ตาม

เมนูแนะนำ : เค้กชาเขียวมัทฉะมินิ

มัทฉะที่ดีควรเป็นอย่างไร ?

ใคร ๆ ก็อยากได้ “มัทฉะ” ที่มีคุณภาพด้วยกันทั้งนั้นแหละ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ? ว่ามัทฉะที่กำลังมองหาอยู่เป็นของดีมีคุณภาพ เพื่อให้เพื่อน ๆ สามารถแยกความแตกต่างของคุณภาพมัทฉะได้ วันนี้เราจะมาบอกให้รู้ว่ามีหลักในการดูอย่างไรบ้าง ? ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยจ้า !

  • แหล่งที่มา
    มองหาชาเขียวมัทฉะแท้ที่ปลูกในนิชิโอะ และเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น หรือในภูมิภาคอูจิของเกียวโตที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเรื่องชาเขียว และเป็นที่รู้จักกันดีในญี่ปุ่นในฐานะศูนย์กลางแห่งมัทฉะ โดยหากเทียบกับประเทศอื่น ๆ แล้วญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่ผลิตผงมัทฉะที่มีคุณภาพมากที่สุด
  • สัมผัสและความรู้สึก
    วิธีทดสอบง่าย ๆ ว่าผงมัทฉะนั้นคุณภาพดีหรือไม่ ? ให้ลองใช้นิ้วมือสัมผัสเบา ๆ หากผิวสัมผัสของมัทฉะนั้นให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล คล้ายกับของแป้งเด็กหรืออายแชโดว์ นั่นคือมัทฉะที่มีคุณภาพ
  • สี
    เป็นองค์ประกอบที่ง่ายที่สุดในการจำแนกมัทฉะคุณภาพดี มัทฉะที่ดีควรมีสีเขียวสดใส ยิ่งสีเขียวยิ่งดี ส่วนมัทฉะที่มีเกรดรองลงมามักจะมีสีเหลืองหรือออกไปทางสีน้ำตาลเสียมากกว่า
  • กลิ่น
    กลิ่นที่ดีมักมีผลกับเรื่องของรสชาติ กลิ่นที่ดีของมัทฉะก็มีผลกับเรื่องของคุณภาพมัทฉะเช่นกัน โดยมัทฉะที่มีคุณภาพจะมีกลิ่นหอมหวานสดชื่นซึ่งเกิดจากกรดอะมิโนสูง รสชาติมัทฉะที่ได้ก็จะดีตามไปด้วย
  • รสชาติ
    สำหรับคนที่ไม่เคยลองดื่มมัทฉะมาก่อน มัทฉะในระดับพรีเมียมจะมีรสอูมามิกลมกลอมกำลังดีซึ่งแตกต่างกันเมื่อเปรียบเทียบกับรสขมและฝาดของมัทฉะเกรดที่รองลงมา
  • ฟอง
    เมื่อตีมัทฉะที่มีคุณภาพดีสิ่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนคือ จะต้องมีชั้นโฟมและฟองครีมอยู่ด้านบน ไม่ใช่แค่ชั้นบาง ๆ ที่มีฟองอากาศขนาดใหญ่ นี่เป็นคุณลักษณะที่ดีที่สุดที่คุณสามารถบอกได้ว่ามัทฉะที่ดื่มนั้นดีหรือไม่

เมนูแนะนำ : บัตเตอร์เค้ก (butter cake)

ชาเขียว กับ มัทฉะ แตกต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างของมัทฉะและชาเขียว green tea ที่ชัดเจนที่สุด คือ ลักษณะที่นำมาใช้ชง เนื่องจากชาเขียวจะมาในรูปแบบของใบชาแห้ง ในขณะที่มัทฉะมาในรูปแบบของผงละเอียด กระบวนการผลิตก็แตกต่างกันอีกด้วยอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น นอกจากนี้ข้อแตกต่างสำคัญเลยก็คือรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส ชาเขียวจะเป็นน้ำใสๆ มีรสชาติฝาดไปจนถึงขม สีอาจจะเป็นเขียวอ่อนไปจนถึงเขียวเข้ม ส่วนมัทฉะมีลักษณะของน้ำที่ออกเป็นครีมเข้มข้น สีเขียวสว่าง มีรสชาติหวานกว่า อีกทั้งยังสามารถเอาไปทำขนม หรือไอศกรีมได้อีกด้วย ในขณะที่ชาเขียว (ชาใบ) สามารถใช้ชงเครื่องดื่มได้ แต่ไม่เหมาะที่จะไปทำขนมหรือไอศกรีมแต่อย่างใด

โดยชาเขียวมัทฉะคุณภาพดีนั้น ส่วนใหญ่ผงชาเขียวจะมีสีเขียวสดใส เมื่อนำมาชงอย่างพิถีพิถัน โดยใช้แปรงชงชา (Chasen) คนให้ละลาย จะเกิดชั้นฟองหรือฟองครีมอยู่ด้านบน ซึ่งแหล่งที่มาของผงชาเขียวมัทฉะที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดีที่สุดนั้น อยู่ที่เมืองนิชิโอะ และ เมืองอูจิ ประเทศญี่ปุ่น

เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของทั้งชาเขียวและมัทฉะกันไปไม่มากก็น้อยแล้ว ลำดับต่อไป แอดมินจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับความแตกต่างของทั้งชาเขียวและมัทฉะให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีทั้งกรรมวิธีในการปลูก การผลิต และแปรรูปที่ต่างกัน

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ : ชิฟฟอนเค้ก (chiffon cake)

5 ความแตกต่างของชาเขียว และ มัทฉะ

1. ความแตกต่างกรรมวิธีการชงชาเขียวและมัทฉะ

มัทฉะ : มาในรูปแบบผง ต้องนำไปผสมน้ำร้อน นมร้อน น้ำเย็น หรือนมเย็น และใช้อุปกรณ์การชงมัทฉะ หรือแปรงตีชา (Chasen) คนให้เข้ากัน ช่วยให้ผงละลายได้ดีที่สุด และยังทำให้เกิดฟองสวยงาม สามารถนำไปทำเมนูเครื่องดื่มต่างๆ ได้เลย
*ข้อแนะนำ ไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนจัดเกินไป เพราะอาจทำให้รสชาติชาเขียวมัทฉะขมหรือฝาดได้
ชาเขียว : มาในรูปแบบใบชาเขียวแห้ง ต้องนำไปแช่ในน้ำร้อน (ประมาณ 80 องศาเซลเซียส) และผ่านกระบวนการการกรองน้ำชาผ่านตัวกรอง สามารถนำไปทำเมนูชาเขียวอื่นๆ ต่อได้เลย
*ข้อแนะนำ ไม่ควรแช่ใบชานานจนเกินไป เพราะอาจทำให้เสียรสชาติเดิมไปได้

2. ความแตกต่างเรื่องการเพาะปลูกชาเขียว

มัทฉะ : ปลูกในขั้นตอนที่ซับซ้อนมีรายละเอียดในทุกขั้นตอน ต้นชาของมัทฉะจะต้องปลูกในร่ม และมีการคลุมไม่ให้ใบชาโดนแสงแดดโดยตรง ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตคลอโรฟิลล์ ทำให้ใบชามีสีเขียวเข้มกว่าชาเขียวปกติ
ชาเขียว : ปลูกในระบบกลางแจ้งปกติ สามารถเก็บผลผลิตได้ตามฤดูกาล

3. ความแตกต่างเรื่องรสชาติและกลิ่นของมัทฉะและชาเขียว

มัทฉะ : มีรสชาติที่ขมและเข้มข้น หวาน และบอดี้แน่นกว่าชาเขียว กลิ่นหอมจะเป็นเอกลักษณ์ หอมนวลๆ ละมุน
ชาเขียว : รสชาติออกฝาดเล็กน้อย มีความขม ดื่มง่าย และยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายสาหร่าย ซึ่งบางที่นิยมนำชาเขียวไปสกัดกับกลิ่นดอกไม้ต่างๆ ได้ชาเขียวมะลิ ชาเขียวกุหลาบ เป็นต้น

4. ความแตกต่างเรื่องการประกอบเมนูต่าง ๆ ของมัทฉะและชาเขียว

มัทฉะ : เนื่องด้วยมัทฉะมีรสชาติที่เข้มข้นและหอมมัน จึงสามารถนำผงชาเขียวมัทฉะไปประกอบเมนูได้หลากหลายอย่าง ทั้งเมนูเครื่องดื่มและของหวาน ไม่ว่าจะเป็น มัทฉะปั่น, มัทฉะเย็น, มัทฉะร้อน หรือ เค้กมัทฉะ, มูสมัทฉะ, ชีสเค้กมัทฉะ, มัทฉะบานอฟฟี่ นอกจากนี้สามารถนำไปทำเป็นไอศกรีมที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในปัจจุบันอีกด้วย
ชาเขียว : ส่วนใหญ่แล้วหลายคนนิยมนำชาเขียวไปประกอบเป็นเมนูเครื่องดื่มเป็นหลัก ซึ่งทำได้ทั้งร้อน เย็นและปั่น อีกทั้งสามารถนำไปประกอบเป็นเมนูของคาว ทั้งทำเป็นซุป ครีมสลัดต่างๆ ให้ทั้งประโยชน์และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ด้วย

5. ความแตกต่างด้านคุณค่าสารอาหารของมัทฉะและชาเขียว

เนื่องจากมัทฉะมีความเข้มข้นสูงจึงให้สารอาหารที่มากกว่าชาเขียวทั่วไป 5-10 เท่า หลักๆ แล้วจะให้ประโยชน์ในเรื่องของช่วยในการเผาผลาญไขมัน มีทั้งแร่ธาตุและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย แค่ดื่มเป็นประจำทุกวัน

ประโยชน์ของ ชาเขียวมัทฉะ

1. ใช้ทำขนมและเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้ง่าย

เนื่องจากเป็นผงชาเขียว ในรูปแบบบดละเอียด ทำให้ชาเขียวมัทฉะ เหมาะกับการนำมาทำขนมและเครื่องดื่ม ๆ ต่าง เพื่อให้ได้รสชาติแบบชาเขียว ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน อย่าง โมจิ บิงซู ชีสเค้กมัทฉะ มัทฉะบานอฟฟี่ ไอศกรีมรสชาเขียวมัทฉะ หรือ เครื่องดื่มอย่าง ชาเขียวมัทฉะ ทั้งแบบร้อน เย็น หรือ ปั่น ฯลฯ

2. ช่วยในการลดน้ำหนัก

ชาเขียวมัทฉะ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ สารคาเทซิน (cathechin) จำนวนมาก ซึ่งมีฤทธิ์ในการช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน จึงเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก  นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในหลอดเลือดให้ปกติ ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานด้วย

3. ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ

นอกจากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว สารคาเทซินยังเข้าไปช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในหลอดเลือด (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอที่ดี (HDL) ในขณะเดียวกัน ทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินในหลอดเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไขมันอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ

4. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง

สารคาเทซิน ในชาเขียวมัทฉะ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้มีฤทธิ์ในการยับยั้งการแพร่กระจายและการอักเสบที่เกิดจากเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยจากงานวิจัยพบว่ามันสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่

บทความที่เกี่ยวข้อง : ประโยชน์ของชาเขียวมัทฉะ

ประโยชน์ของชาเขียวทั้งสองชนิด

ทั้งชามัทฉะและชาเขียว นั้นซ่อนคุณประโยชน์มากมายไว้ในรสชาติที่กลมกล่อม การดื่มชาเขียวในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยร่างกายได้หลายด้านเลยทีเดียว เช่น

  • สามารถกำจัดแบคทีเรียในช่องปากที่เป็นสาเหตุของฟันผุ กลิ่นปาก และโรคเหงือก โดยมีสารโพลีฟีนอล (Ployphenols) และแคทีชิน (Catechins) ที่มีอยู่ในใบชาเป็นตัวช่วย
  • ชะลอความชรา สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) และสาร OPC (Oligomeric proanthocyanidins) ที่มีในชาเขียวนั้นจะช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และสารชนิดนี้จะช่วยต่อสู้กับปัญหาผิวต่างๆ เช่น ริ้วรอยก่อนวัย และจุดด่างดำต่างๆ ได้ด้วย
  • ป้องกันผมร่วง เนื่องจากชาเขียวนั่นอุดมไปด้วยสารแคทีชิน (Catechins) ช่วยป้องกันการเกิดผมร่วงและมีสาร EGCG (Epigallocatechin gallate) ซึ่งที่สามารถช่วยกระตุ้นการงอกของผมอีกด้วย

นอกจากประโยชน์ของมัทฉะและชาเขียว ที่กล่าวไปนั้น ชายังมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และดีต่อสุขภาพและสมองของผู้ดื่มอีกด้วย

สรุป ชาเขียว กับ มัทฉะ ต่างกันตรงไหนกันนะ

หวังว่าผู้อ่านจะได้คำตอบแล้วนะคะว่าชาเขียวกับมัทฉะ ต่างกันอย่างไร? พอเรามานั่งแยกความแตกต่างของมัทฉะกับชาเขียวอย่างจริงจัง เห็นได้ชัดเจนเลยนะคะว่ามันมีความแตกต่างกันหลายอย่างมาก ที่เราเคยสับสนกันอาจจะเป็นเพราะว่ามันอยู่ในกลุ่มของ “ชาเขียว” เหมือนกันก็เป็นได้ สรุปได้ว่ามัทฉะก็คือชาเขียวนี่แหละค่ะ เพียงแต่ว่ามันเป็นชาเขียวที่มีความเข้มข้นของสี รสชาติ กลิ่น และสารอาหารที่มากกว่า ใครที่ยังไม่เคยลองดื่ม ชาเขียวมัทฉะ อย่าพลาดเลยนะคะ

facabook line instagram tiktok wongnai lineman Google Map youtube

เมนูขนมที่น่าสนใจ by Bread at HÖME

พิซซ่าสไตล์นาโปลี ต้นตำรับ 100% พิซซ่าเตาฟืน ถาดละ 259฿ [ขนาด 8 นิ้ว]

ความพิเศษของพิซซ่าที่นี่ อยู่ตรงสูตรแป้งและส่วนผสมที่ลงตัว บวกกับความกรอบบางของพิซซ่าซึ่งอยู่ตรงกลางแผ่น ส่วนขอบพิซซาถูกอบจนหนานุ่มละมุนลิ้น เบื้องหลังความอร่อยคือการอบด้วยเตาอบแบบต้นตำรับซึ่งใช้ที่เมืองนาโปลี ประเทศอิตาลี

เค้กมะพร้าวอ่อนครีมสดมินิ FRESH COCOUNT CAKE MINI

เค้กน้อนนใหม่ของร้านฮับ น้อนนเป็นครีมสด สไตส์มินิมอล ไม่มีไขมันทรานส์ ซอสมะพร้าวทำจากมะพร้าวน้ำหอมไม่หวานเลี่ยน ทานคู่กับครีมลงตัวสุด หอม มัน นัวร์ ดีย์

โดนัทญี่ปุ่น นมสดฮอกไกโด JAPANESE DONUTS 70฿

Japanese Donuts โดนัทแป้งญี่ปุ่น ใช้เนยแท้ ไร้สารเสริม ไม่มีไขมันทรานส์ ใช้น้ำมันรำข้าวในการทอด ดิปซอสทำจากนมฮอกไกโดแท้ๆ

เค้กยูนิคอร์น สายรุ้ง น่ารักๆ บัตเตอร์ครีมหรือครีมสด หอมนุ่ม ละลายในปาก UNICORN CAKE

เค้กยูนิคอร์น บัตเตอร์ครีมหรือครีมสด หอมนุ่ม ละลายในปาก สามารถเลือกเค้กโมเดลยูนิคอร์น น่ารักๆ ได้

สตอเบอร์รี่ช็อตเค้กญี่ปุ่น สไตล์มินิมอล 1/2 ปอนด์ 590฿ 1 ปอนด์ 890฿ 2 ปอนด์ 1190฿

สตอเบอร์รี่ช็อตเค้ก เนื้อเค้กเป็นสปันจ์เนย (เนื้อเค้กมีส่วนผสมของเมล็ดวนิลาแท้) ครีมสดแท้ ไร้สารเสริม ไม่มีไขมันทรานส์ ใช้เทคนิคญี่ปุ่นในการทำตัวเค้ก ใช้สตอเบอรี่เกาหลี

เค้กแบล็คฟอเรส มีซอสให้เลือก 2 ซอส ราดด้วยซอสสตอเบอรี่ หรือ ซอสเชอรี่ BLACK FOREST CAKE 1/2 ปอนด์ ฿590 1 ปอนด์ ฿890 2ปอนด์ ฿1190

เค้กแบล็คฟอเรส สายดาร์ก สัญชาติเยอรมัน ช็อกแท้ โกโก้แท้ พร้อมซอสให้เลือก 2 ซอส ราดด้วยซอสสตอเบอรี่ หรือ ซอสเชอรี่

พิซซ่าแป้งบางกรอบสไตล์อิตาเลี่ยน ถาดละ 199฿ [ขนาด 8 นิ้ว]

ไม่ต้องทนหิวอีกแล้วค่ะ วันนี้มีพิซซ่าโฮมเมดที่จัดว่าเด็ดมากๆ สำหรับคอพิซซ่า บอกเลยว่าสูตรนี้ใช้เวลาไม่นาน ทำง่าย แถมอร่อยสุดๆ รับรองว่าจะได้ทานพิซซ่าที่แป้งบางกรอบ แบบฉบับของชาวอีตาเลี่ยนแน่นอนค่ะ

ซอฟต์คุกกี้ดาร์กช็อกโกแลต ชิ้นละ 50 กรัม 1 กล่องมี 3 ชิ้น กล่องละ 100฿

เมนูคุกกี้เหมาะสำหรับมือใหม่หัดอบ วัตถุดิบไม่เยอะแต่ได้ซอฟต์คุกกี้นิ่มหนึบหนับ ช็อกโกแลตเยิ้มๆ ไว้กินระหว่างทำงานเพลินๆ ได้เลย