บานอฟฟี่ (Banoffee) มาจากคำว่า Banana ( กล้วย ) กับ Toffee ( คาราเมล ) บานอฟฟี่มีหลายรูปแบบ สามารถทำใส่ถ้วย หรือจะทำเป็นปอนด์ ที่เรียกว่า บานอฟฟี่ พาย ก็ได้เช่นกัน บานอฟฟี่เป็นขนมหวานสไตล์ผู้ดีอังกฤษ ส่วนประกอบหลักๆคือ ฐานของขนมที่ทำจากแครกเกอร์ บิสกิต หรือคุกกี้ บดละเอียด ทอฟฟี่คาราเมล กล้วยหอม และตกแต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีม บีบเป็นรูปทรงต่างๆ คาราเมลที่ใช้ในบานอฟฟี่มีวิธีทำหลากหลายสูตร เช่น คาราเมลสำเร็จรูป หรือคาราเมลแบบที่ทำจากน้ำตาล เนย นมข้นหวาน นำมาเคี่ยว หรือคาราเมลแบบที่นำนมข้นหวานต้มจนเป็นสีน้ำตาล
ที่มาของบานอฟฟี่พาย
ที่มาของบานอฟฟี่พายเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษในปี 1972 โดยพ่อครัวประจําร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นผู้คิดค้นพัฒนา ซึ่งดัดแปลงมาจากพายที่ราดด้วยซอสทอฟฟี่แล้วแต่งหน้าด้วย วิปปิ้งครีมมาใส่ผลไม้อย่างกล้วยลงไป จนกลายมาเป็นบานอฟฟี่พาย และบรรจุเข้าในเมนูของหวานของทางร้านดั้งเดิมการทําบานอฟฟี่พายนั้นด้านล่างเป็นบิสกิตสีขาวผสมกับเนยละลายแล้วกรุลงพิมพ์หรือถาดตุ่นนมข้นหวานเป็นคาราเมล
ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วเทลงไปวางกล้วยหอมเรียงลงไป แต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีมต่อมาระยะหลังจนถึงปัจจุบันได้มีสูตรที่เกิดขึ้นใหม่จากการประยุกต์โดยเปลี่ยนจากบิสกิตสีขาวมาเป็น โกโก้บิสกิตบ้างราดด้วยช็อกโกแลตลงไปเป็นชั้นก่อนเทคาราเมล (เปลี่ยนจากการตุ้นนมข้นหวานมาเป็นการเคี่ยวเนยกับน้ำตาล แทน)
เพิ่มความหอมระหว่างชั้นด้วยกล้วยหอมและวิปปิ้งครีมโรยหน้าด้วยอัลมอนด์หรือผงโกโก้ก็ได้ เวลาเสิร์ฟหั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยมเหมือนเค้กทั่วไป หรือนํามาดัดแปลงทําบานอฟฟี่พายเป็นแบบถ้วยก็ได้ ใช้ถ้วยใบใสที่มีขนาดเล็กและปากกว้าง เวลาตักรับประทานจะได้สะดวก ซึ่งยังคงขั้นตอนการทําไว้เหมือนเดิมทําให้เห็นชั้นของบานอฟฟี่พายกันเต็มๆทีเดียว อวดสีสันเป็นชั้นๆของแป้งพายกล้วยหอมคาราเมลและครีมจากนั้นโรยด้วยเม็ดช็อกโกแลต ตักทานให้ครบทุกชั้นในค่าเดียวอร่อยลงตัวทีเดียวจากพายกรอบร่วนซุยที่ด้านล่าง วางทับด้วยกล้วยหอมสดๆ ใหม่ๆ เรียงเต็มชั้น
พร้อมกับราดซอสคาราเมลทําให้ได้รสชาติความกรุบกรอบหวานๆ มันๆ แถมได้รสกล้วยหอมไปเต็มๆ ด้วยเสน่ห์ที่มีครบทุกรสชาติและส่วนผสมที่ลงตัวกันอย่างพอดี ทําให้บานอฟฟี่พายกลายเป็นของหวานยอดนิยมไปทั่วโลก สําหรับคนที่เบื่อคัพเค้กช็อกโกแลตต่างๆ หรือไม่ชอบ ทานช็อกโกแลตล้วนๆ ลองหันมาทําบานอฟฟี่พายกันดูรับรองความอร่อย ไม่เชื่อต้องลองดู
8 ประโยชน์ของกล้วยหอมส่วนผสมหลักในบานอฟฟี่
1. ช่วยป้องกันกระดูกเปราะ
กล้วยหอมมีฟอสฟอรัสค่อนข้างสูง ซึ่งสารอาหารชนิดนี้จะมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกเราได้ อีกทั้งในกล้วยหอมยังมีแคลเซียม ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกระดูกส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้อีกทาง
2. ต้านอนุมูลอิสระ
กล้วยเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีอยู่พอสมควร ดังนั้นจะถือเป็นผลไม้ต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่ง มีทั้งวิตามินซี ที่มีอยู่ในกล้วย ยังจะช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด และป้องกันโรคลักปิดลักเปิดได้ด้วย
3. ช่วยคลายเครียด
เมื่อร่างกายตกอยู่ในสภาวะเครียด ความดันเลือดก็จะสูงขึ้น ส่งผลให้เรารู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว หรืออาจก่อให้เกิดอาการปวดหัวตุบ ๆ ได้ ซึ่งโพแทสเซียม และวิตามินในกล้วยหอม จะช่วยลดความดันเลือดให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงทำให้ร่างกายลดระดับความตึงเครียดลงไปด้วยนั่นเอง
4. บำรุงสายตา
กล้วยหอมมีทั้งวิตามินเอ และเบต้า-แคโรทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อสุขภาพดวงตา มีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของระบบประสาทตา จึงสามารถบำรุงสายตา และการมองเห็นได้เป็นอย่างดี
5. แก้ท้องผูก
ไฟเบอร์ที่มีอยู่ในกล้วยหอม เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งดีต่อระบบขับถ่ายของเรามากเลยทีเดียว ดังนั้นใครมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ลองกินกล้วยหอมให้ได้ทุกวัน วันละ 1 ลูก จะช่วยแก้ท้องผูกให้คุณได้
6. ช่วยเติมพลังให้ร่างกาย
ในกล้วยหอมมีวิตามินซี เพราะวิตามินซี มีส่วนสำคัญต่อกระบวนการผลิตพลังงานของร่างกาย ดังนั้นใครอยากเติมพลังให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า กล้วยหอมสักลูกช่วยได้ โดยเฉพาะหากกินกล้วยหอมก่อนออกกำลังกาย ก็จะช่วยให้มีแรงอึดขึ้นด้วย
7. แก้นอนไม่หลับ
กินกล้วยหอมก่อนนอนก็เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้นอนไม่หลับได้ เพราะกล้วยหอมอุดมไปด้วยกรดอะมิโน และทริปโตเฟน สารประกอบสำคัญของการสร้างเซโรโทนิน ฮอร์โมนในร่างกาย ที่ช่วยให้หลับง่ายขึ้น ดังนั้นใครมีอาการนอนหลับกระสับกระส่าย นอนไม่หลับบ่อย ๆ แนะนำให้กินกล้วยหอมหลังมื้อเย็น แล้วค่อยอาบน้ำนอน
8. ช่วยย่อยอาหาร
กากอาหารในกล้วยหอม จะช่วยให้การทำงานของระบบย่อยอาหารคล่องตัวมากขึ้น ยิ่งถ้ากินกล้วยหอมได้บ่อย ๆ ก็จะช่วยปรับจูนระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้เป็นปกติดี ชนิดที่เราไม่จำเป็นต้องพึ่งยาช่วยย่อยกันอีกเลย