แจก 2 เมนูสูตรบานอฟฟี่พาย อร่อยหอม ชุ่มฉ่ำคาราเมล

วันนี้แอดมินก็มีแจก 2 เมนูสูตรเค้กบานอฟฟี่ มาฝากเพื่อนๆกันค่ะ บานอฟฟี่พาย ขนมหวานจากกล้วยหอมและคาราเมล ที่มีเนื้อวิปครีม หวานละมุนผสมผสานกับแครกเกอร์กรุบกรอบที่มีรสชาติเค็มนิดๆ เมื่อทุกอย่างอยู่รวมกันแล้วรสชาติลงตัวสุดๆ เราแนะนำสูตรนี้เลยค่ะ รับรองว่าถูกใจทั้งคนทำ และคนทานแน่นอน

แสดงทั้งหมด 3 ผลลัพท์

แนะนำเมนู “บานอฟฟี่” ลายเส้น สไตล์ Bread at HÖME ของทางร้านเรา


สารบัญ

วันนี้เราจะมาแจกสูตรขนม สูตรทำ บานอฟฟี่ ซอสคาราเมล ส่วนผสมน้อย เมนูขนมสุดอร่อยที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมทำง่าย โดนใจคนทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว ด้วยรสชาติหอมหวานจากคาราเมลและกล้วย ท็อปด้านบนด้วยวิปปิ้งครีมละมุน บอกเลยว่ากินฟินสุดๆ แถมต้นทุนต่ำ แต่หน้าตาดี ทำขายกำไรงามแน่นอน ว่าแต่สูตรทำ บานอฟฟี่ จะมีวิธีทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลย!

มาทำความรู้บานอฟฟี่กันก่อนเลย

บานอฟฟี่ (Banoffee) มาจากคำว่า Banana ( กล้วย ) กับ Toffee ( คาราเมล ) บานอฟฟี่มีหลายรูปแบบ สามารถทำใส่ถ้วย หรือจะทำเป็นปอนด์ ที่เรียกว่า บานอฟฟี่ พาย ก็ได้เช่นกัน บานอฟฟี่เป็นขนมหวานสไตล์ผู้ดีอังกฤษ ส่วนประกอบหลักๆคือ ฐานของขนมที่ทำจากแครกเกอร์ บิสกิต หรือคุกกี้ บดละเอียด ทอฟฟี่คาราเมล กล้วยหอม และตกแต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีม  บีบเป็นรูปทรงต่างๆ คาราเมลที่ใช้ในบานอฟฟี่มีวิธีทำหลากหลายสูตร เช่น คาราเมลสำเร็จรูป หรือคาราเมลแบบที่ทำจากน้ำตาล เนย นมข้นหวาน นำมาเคี่ยว หรือคาราเมลแบบที่นำนมข้นหวานต้มจนเป็นสีน้ำตาล 

ที่มาของบานอฟฟี่พาย

ที่มาของบานอฟฟี่พายเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษในปี 1972 โดยพ่อครัวประจําร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นผู้คิดค้นพัฒนา ซึ่งดัดแปลงมาจากพายที่ราดด้วยซอสทอฟฟี่แล้วแต่งหน้าด้วย วิปปิ้งครีมมาใส่ผลไม้อย่างกล้วยลงไป จนกลายมาเป็นบานอฟฟี่พาย และบรรจุเข้าในเมนูของหวานของทางร้านดั้งเดิมการทําบานอฟฟี่พายนั้นด้านล่างเป็นบิสกิตสีขาวผสมกับเนยละลายแล้วกรุลงพิมพ์หรือถาดตุ่นนมข้นหวานเป็นคาราเมล

ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วเทลงไปวางกล้วยหอมเรียงลงไป แต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีมต่อมาระยะหลังจนถึงปัจจุบันได้มีสูตรที่เกิดขึ้นใหม่จากการประยุกต์โดยเปลี่ยนจากบิสกิตสีขาวมาเป็น โกโก้บิสกิตบ้างราดด้วยช็อกโกแลตลงไปเป็นชั้นก่อนเทคาราเมล (เปลี่ยนจากการตุ้นนมข้นหวานมาเป็นการเคี่ยวเนยกับน้ำตาล แทน)

เพิ่มความหอมระหว่างชั้นด้วยกล้วยหอมและวิปปิ้งครีมโรยหน้าด้วยอัลมอนด์หรือผงโกโก้ก็ได้ เวลาเสิร์ฟหั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยมเหมือนเค้กทั่วไป หรือนํามาดัดแปลงทําบานอฟฟี่พายเป็นแบบถ้วยก็ได้ ใช้ถ้วยใบใสที่มีขนาดเล็กและปากกว้าง เวลาตักรับประทานจะได้สะดวก ซึ่งยังคงขั้นตอนการทําไว้เหมือนเดิมทําให้เห็นชั้นของบานอฟฟี่พายกันเต็มๆทีเดียว อวดสีสันเป็นชั้นๆของแป้งพายกล้วยหอมคาราเมลและครีมจากนั้นโรยด้วยเม็ดช็อกโกแลต ตักทานให้ครบทุกชั้นในค่าเดียวอร่อยลงตัวทีเดียวจากพายกรอบร่วนซุยที่ด้านล่าง วางทับด้วยกล้วยหอมสดๆ ใหม่ๆ เรียงเต็มชั้น

พร้อมกับราดซอสคาราเมลทําให้ได้รสชาติความกรุบกรอบหวานๆ มันๆ แถมได้รสกล้วยหอมไปเต็มๆ ด้วยเสน่ห์ที่มีครบทุกรสชาติและส่วนผสมที่ลงตัวกันอย่างพอดี ทําให้บานอฟฟี่พายกลายเป็นของหวานยอดนิยมไปทั่วโลก สําหรับคนที่เบื่อคัพเค้กช็อกโกแลตต่างๆ หรือไม่ชอบ ทานช็อกโกแลตล้วนๆ ลองหันมาทําบานอฟฟี่พายกันดูรับรองความอร่อย ไม่เชื่อต้องลองดู

8 ประโยชน์ของกล้วยหอมส่วนผสมหลักในบานอฟฟี่

1. ช่วยป้องกันกระดูกเปราะ
กล้วยหอมมีฟอสฟอรัสค่อนข้างสูง ซึ่งสารอาหารชนิดนี้จะมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกเราได้ อีกทั้งในกล้วยหอมยังมีแคลเซียม ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกระดูกส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้อีกทาง

2. ต้านอนุมูลอิสระ
กล้วยเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีอยู่พอสมควร ดังนั้นจะถือเป็นผลไม้ต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่ง มีทั้งวิตามินซี ที่มีอยู่ในกล้วย ยังจะช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด และป้องกันโรคลักปิดลักเปิดได้ด้วย

3. ช่วยคลายเครียด
เมื่อร่างกายตกอยู่ในสภาวะเครียด ความดันเลือดก็จะสูงขึ้น ส่งผลให้เรารู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว หรืออาจก่อให้เกิดอาการปวดหัวตุบ ๆ ได้ ซึ่งโพแทสเซียม และวิตามินในกล้วยหอม จะช่วยลดความดันเลือดให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงทำให้ร่างกายลดระดับความตึงเครียดลงไปด้วยนั่นเอง

4. บำรุงสายตา
กล้วยหอมมีทั้งวิตามินเอ และเบต้า-แคโรทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อสุขภาพดวงตา มีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของระบบประสาทตา จึงสามารถบำรุงสายตา และการมองเห็นได้เป็นอย่างดี

5. แก้ท้องผูก
ไฟเบอร์ที่มีอยู่ในกล้วยหอม เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งดีต่อระบบขับถ่ายของเรามากเลยทีเดียว ดังนั้นใครมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ลองกินกล้วยหอมให้ได้ทุกวัน วันละ 1 ลูก จะช่วยแก้ท้องผูกให้คุณได้

6. ช่วยเติมพลังให้ร่างกาย
ในกล้วยหอมมีวิตามินซี เพราะวิตามินซี มีส่วนสำคัญต่อกระบวนการผลิตพลังงานของร่างกาย ดังนั้นใครอยากเติมพลังให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า กล้วยหอมสักลูกช่วยได้ โดยเฉพาะหากกินกล้วยหอมก่อนออกกำลังกาย ก็จะช่วยให้มีแรงอึดขึ้นด้วย

7. แก้นอนไม่หลับ
กินกล้วยหอมก่อนนอนก็เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้นอนไม่หลับได้ เพราะกล้วยหอมอุดมไปด้วยกรดอะมิโน และทริปโตเฟน สารประกอบสำคัญของการสร้างเซโรโทนิน ฮอร์โมนในร่างกาย ที่ช่วยให้หลับง่ายขึ้น ดังนั้นใครมีอาการนอนหลับกระสับกระส่าย นอนไม่หลับบ่อย ๆ แนะนำให้กินกล้วยหอมหลังมื้อเย็น แล้วค่อยอาบน้ำนอน

8. ช่วยย่อยอาหาร
กากอาหารในกล้วยหอม จะช่วยให้การทำงานของระบบย่อยอาหารคล่องตัวมากขึ้น ยิ่งถ้ากินกล้วยหอมได้บ่อย ๆ ก็จะช่วยปรับจูนระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้เป็นปกติดี ชนิดที่เราไม่จำเป็นต้องพึ่งยาช่วยย่อยกันอีกเลย

อ่านเพิ่มเติมเรื่องที่นี่ : ประโยชน์ของกล้วยหอม

บานอฟฟี่พายคาราเมลแบบกล่อง

แจกสูตรบานอฟฟี่พายเค้ก

“บานอฟฟี่” เมนูทำง่ายไม่ง้อเตาอบ เพียงแค่คุณมีวัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่าง ก็สามารถทำตามได้ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน บอกเลยว่าใครได้ทานก็ต้องติดใจ ด้วยความละมุนของกล้วยหอมกับคาราเมล รับรองว่าฟินสุดๆ

ส่วนผสมสูตรบานอฟฟี่เค้กพาย

ฐานคุกกี้ครัสต์

  • คุกกี้แซนด์วิชรสช็อกโกแลตเอาไส้ออกบดละเอียด 250 กรัม

  • เนยสดชนิดจืดละลาย 100 กรัม

คาราเมล

  • วิปปิ้งครีม 150 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
  • นมข้นหวาน 250 กรัม
  • เนยสดชนิดจืด 450 กรัม
  • วิปปิ้งครีม 200 กรัม

ท๊อปปิ้ง

  • กล้วยหอมสุก 3 ผล
  • ผงโกโก้สำหรับโรยและซอสคาราเมลสำหรับแต่งหน้า

อุปกรณ์ที่ใช้ทำบานอฟฟี่

  • ชามผสม

  • ไมโครเวฟ

  • กระทะ

  • ไม้พาย

  • ตู้เย็น

  • ที่ร่อนแป้ง

  • มีด

  • เตา

  • เครื่องตีมือถือ

  • เครื่องปั่น

วิธีทำบานอฟฟี่เค้กพาย

  1. นำผงแคร๊กเกอร์ไปใส่ในเครื่องปั่น ปั่นพอละเอียด แล้วเทใส่ชาม
  2. นำเนยจืดไปละลายในไมโครเวฟ ประมาณ 1 นาที จากนั้นนำมาเทผสมกับแค๊กเกอร์บดละเอียกในข้อ1 คลุกเคล้าให้เข้ากันจนดี
  3. นำแคร๊กเกอร์ใส่ในจานพาย เกลี่ยให้ทั่วๆ ใช้ช้อนกดให้เนียนเท่าๆกัน นำเข้าแช่ในช่องแข็งประมาณ 20 นาที
  4. เตรียมทำซอสคาราเมล ตั้งกระทะที่ไฟกลาง นำเนยเทลงในกระทะ คนให้ละลาย จากนั้นเทน้ำตาลทรายแดงลงไป คอยคนตลอดเวลาจนส่วนผสมเริ่มเดือด เทนมข้นหวานลงไปในกระทะ คนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี แล้วปล่อยให้เดือดประมาณ 3 นาที แล้วปิดเตา รอให้ซอสคาราเมลเย็นลง แล้วนำมาราดบนแคร็กเกอร์ที่นำออกมาจากตู้เย็น เกลี่ยให้ทั่วๆ
  5. หั่นกล้วยแบ่งครึ่งตามแนวยาว แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ วางด้านบนคาราเมล แล้วนำเข้าตู้เย็น
  6. ระหว่างนี้ นำวิปปิ้งครีมมาตีจนตั้งยอด จากนั้นนำมาทาทับบนกล้วย ปาดให้สวยงาม แล้วโรยด้วยผงโกโก้ตกแต่ง พร้อมเสิร์ฟ
  7. หากใครไม่ต้องการตีวิปปิ้งครีม สามารถใช้วิปปิ้งครีมแบบกระป๋องได้

เคล็ดลับความหร่อยของบานอฟฟี่

การทำคาราเมลควรใส่น้ำตาลให้กระจายทั่วก้นหม้อ ระหว่างเคี่ยวไม่ควรคน เพราะน้ำตาลจะตกผลึก ถ้ากลัวไหม้ให้ใช้วิธีเขย่าหม้อเบาๆ ข้อควรระวังในการทำคาราเมลคือ ไม่ควรใส่ของเหลวที่เย็น ลงในคาราเมลร้อนๆ เพราะจะทำให้คาราเมลกระเด็นและเป็นอันตรายได้ เพราะเหตุนี้เราจึงต้องนำวิปปิ้งครีมตั้งไฟให้พออุ่นก่อนที่จะใส่ลงในคาราเมลควรเลือกใช้กล้วยหอมสุก เพราะรสชาติจะหวานกว่า
 
หวังว่าสาระน่ารู้ในวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อยนะคะ หากชื่นชอบสาระน่ารู้ที่แอดมินนำมาฝาก อย่าลืมกดไลค์และกดแชร์เพื่อแบ่งปันความรู้แก่เพื่อนๆ และเพื่อเป็นกำลังใจให้แอดมินหาสาระน่ารู้ดีๆมาฝากกันอีกในคราวต่อไปนะคะ

อ่านเพิ่มเติมเรื่องที่นี่ : อุปกรณ์ในการเบเกอรี่

แจกสูตรบานอฟฟี่พาย สูตรไม่หั่นกล้วยหอม 

ลำพังแค่ใส่ซอสคาราเมลก็ฟินแล้วนะ แต่ถ้าเติมซอสช็อกโกแลตไปอีกนี่ฟินคูณสอง ชวนกินของอร่อย ใส่กล้วยหอมทั้งลูกผสมกับคาราเมล เพิ่มความฟินจากซอสช็อกโกแลตและวิปครีม ก่อนเสิร์ฟโรยผงโกโก้ สูตรนี้บานอฟฟี่พายสำหรับพิมพ์ 3 ปอนด์

ส่วนผสม บานอฟฟี

  • บิสกิต 240 กรัม (หรือคุกกี้โอรีโอ้)
  • เนยสดจืด 100 กรัม
  • ดาร์กช็อกโกแลต 60% 130 กรัม
  • วิปปิ้งครีมชนิดนมโคแท้ 140 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • น้ำสะอาด 1/4 ถ้วย
  • น้ำตาลคาราเมล 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • วิปปิ้งครีมนมโคแท้ (Dairy Whipping Cream) 3/4 ถ้วย (นำเข้าไมโครเวฟให้ร้อน 1 นาที)
  • เนยสดจืด 30 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • กล้วยหอม 5-6 ลูก หรือตามชอบ
  • วิปปิ้งครีม ใช้ได้ทั้งครีมสด (Dairy) และครีมไขมันพืช (Non-Dairy) 300-400 กรัม (ใส่มากหรือน้อยตามชอบ) *ถ้าอยากให้อยู่ตัวนานขึ้นแนะนำใช้ครีมแบบ Non-Dairy แต่ถ้าไม่อยากซื้อหลายอันก็ใช้ครีม Dairy ได้เลย
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชง
  • ผงโกโก้ชนิดไม่หวาน 2-3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำบานอฟฟี่พาย
  1. ทำชั้นที่ 1 ฐานพาย โดยนำบิสกิตไปปั่นหรือใส่ถุงทุบให้ละเอียด เทเนยละลายลงผสมให้เข้ากัน นำไปกรุใส่พิมพ์ให้แน่น แล้วนำเข้าช่องแช่แข็งประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนเซตตัว
  2. ทำชั้นที่ 2 ช็อกโกแลต โดยนำวิปครีมแบบ Dairy และดาร์กช็อกโกแลตไปตุ๋นด้วยไฟอ่อน พอช็อกโกแลตละลายก็ยกลงจากเตา คนให้เข้ากัน เติมกลิ่นวานิลลา รอจนเย็นแล้วนำไปเทใส่พิมพ์ที่กรุบิสกิตไว้ นำไปเข้าช่องแช่แข็งหรือแช่เย็นให้เซตตัวดีก่อนค่อยทำชั้นต่อไป
  3. ทำชั้นที่ 3 กล้วยกับคาราเมล โดยใส่น้ำสะอาดลงในหม้อทนความร้อน ใส่น้ำตาลทรายคาราเมล ตามด้วยน้ำตาลทรายแดงกับเกลือ ตั้งไฟปานกลางกวนจนน้ำตาลละลายหมดและมีลักษณะข้นเหนียว มีกลิ่นไหม้นิด ๆ ปิดไฟ
  4. นำวิปปิ้งครีมเข้าไมโครเวฟให้ร้อน ค่อย ๆ เทลงไปในส่วนผสม คนจนเข้ากันแล้วเปิดไฟกลางอีกครั้ง กวนต่อจนข้นขึ้นแล้วยกลงจากเตา ใส่เนยและกลิ่นวานิลลา คนจนเนยละลายหมด พักไว้ให้เย็น
  5. จัดเรียงกล้วยลงในพิมพ์ ราดด้วยคาราเมล แล้วนำไปแช่เย็นให้คาราเมลแข็งตัวสักนิดค่อยมาโปะวิปครีม
  6. วิธีทำชั้นที่ 4 (วิปครีม) ใส่วิปครีมลงไปในอ่างผสม เติมกลิ่นวานิลลา *สามารถเติมน้ำตาลไอซิ่งได้ตามชอบ โดยชิมรสวิปครีมก่อนค่อยเติม ในสูตรใช้วิปครีมที่มีรสหวานอยู่แล้วเลยไม่ได้เติมไอซิ่ง โดยส่วนมากถ้ารสไม่หวานจะเพิ่มไอซิ่ง 10% ของน้ำหนักวิปครีมที่ใช้* ตีวิปครีมให้ขึ้นฟู นำไปโปะในพิมพ์ ใส่มากหรือน้อยตามชอบ เกลี่ยให้เรียบ
  7. โรยด้วยผงโกโก้ก่อน หรือเอาเข้าแช่ตู้เย็นให้คาราเมลและวิปครีมเซตตัวก่อนค่อยมาโรยผงโกโก้ แต่แนะนำต้องแช่เย็น เวลาเอามาตัดจะได้สวย ๆ ไม่เละ

แจกสูตรวิธีทำซอสคาราเมลทำเอง

นอกจากการทำบานอฟฟี่แล้ว เรายังมีวิธีทำซอสคาราเมล สำหรับใครที่อยากลองทำเองก็สามารถทำตามได้ตามสูตรที่เราให้ไป ใครๆก็ทำได้

ส่วนผสม

  • น้ำตาลทราย 200 กรัม
  • เนยจืด 80 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • วิปปิ้งครีมเหลว 240 กรัม
  • เกลือเล็กน้อย

วิธีทำ

  1. นำน้ำตาลใส่ในหม้อ แล้วนำไปตั้งเตาเปิดไฟกลาง
  2. รอจนน้ำตาลละลายจนหมด สามารถที่จะเขย่าหม้อได้
  3. แล้วให้ปรับเป็นไฟเบา และใส่เนยจืดลงไป คนให้ละลายเข้ากัน
  4. จากนั้นให้ยกลงจากเตา แล้วค่อย ๆ เทวิปครีมลงไป แล้วคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนเนื้อเนียน และเติมเกลือลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง
  5. เสร็จแล้วให้ยกหม้อขึ้นเตาไฟอีกครั้ง แล้วคนต่อให้ได้ซอสคาราเมลที่เหนียวหนืด แล้วปิดไฟ (ความเหนียวหนืดขึ้นอยู่กับความต้องการเลยนะคะ)
  6. เทใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วสามารถนำไปใช้ได้เลย
  7. หากต้องการเก็บ พักไว้ให้เย็นก่อนแล้วค่อยนำเข้าตู้เย็น เก็บได้นาน 1 เดือน

หากใครกำลังมองหาร้านเค้กโฮมเมดอร่อยๆ ไม่ว่าจะสั่งซื้อเป็นเค้กวันเกิด ซื้อเค้กไปทานเอง หรือซื้อฝาก 😊

สูตรขนมที่ Bread at HÖME เค้กกรุงเทพกรีฑา เราทำขายนั้นจะผ่านการทดลองจนลงตัวที่สุด และในการทำจะมีการชั่งตวงตามสูตรจึงการันตีได้ถึงความอร่อยเหมือนกันทุกครั้งที่ทำ เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพเป็นวัตถุดิบที่ใช้ทำเพื่อกินกันเองภายในบ้านเพื่อรสชาติที่ดีและปลอดภัยต่อสุขภาพ ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ไม่ใส่สารกันเสียแน่นอน นึกว่า เค้กวันเกิด ขอให้นึกถึงเรา สำหรับเค้กวันเกิด มีหลายขนาดให้เลือกเริ่มตั้งแต่ครึ่งปอนด์เลยค่ะ ทุกเมนูของร้านอบให้สดใหม่ตามออเดอร์ค่ะ

รสชาติเค้กและเนื้อเค้ก

ร้านเราส่วนมากจะเป็นสปันจ์เค้ก ที่มีความนุ่มชุ่มฉ่ำ ไม่ฝืนคอ ใช้วนิลาแท้ เนยแท้เป็นส่วนประกอบในการทำ ทำให้เนื้อเค้กของเรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร หอมละมุน นุ่มละลายในปาก ไม่มีไขมันทรานส์ ไม่หวานเลี่ยน

  • วนิลา ใช้ Pure Vanilla Bean Paste
  • ช็อกโกแลต ใช้โกโก้พรีเมี่ยมและช็อกโกแลตแท้
  • กาแฟ ใช้กาแฟพรีเมี่ยม หอมเข้มสูตรลับของทางร้าน
  • เรดเวลเวท ใช้โกโก้พรีเมี่ยม ใช้บีทรูทเพื่อเพิ่มสีแดงเป็นเอกลักษณ์ของเรดเวลเวท
  • ใบเตย ใช้ใบเตยแท้ ปลูกเองไร้สารเคมี
  • ชาไทย ใช้เบสชา 4 ชนิดสูตรลับของทางร้าน
  • มัทฉะชาเขียว ใช้มัทฉะพรีเมี่ยมนำเข้าจากญี่ปุ่น

สีของเค้กแต่ละชนิดอาจแตกต่างกันไปตามวัตถุดิบ **ข้อระวัง มีส่วนผสมของสีผสมอาหาร

ขนาดของเค้ก

  • ขนาด 1/2 ปอนด์ หรือเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว
  • ขนาด 1 ปอนด์ หรือเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว
  • ขนาด 2 ปอนด์ หรือเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7 นิ้ว
  • ขนาด 3 ปอนด์ หรือเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 นิ้ว
  • ขนาด 4 ปอนด์ หรือเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 นิ้ว
  • ขนาด 5 ปอนด์ หรือเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 11 นิ้ว
  • ขนาด 6 ปอนด์ หรือเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 12 นิ้ว

ซอสโฮมเมด ใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมและผลไม้แท้ๆ ในการทำ (สูตรเฉพาะของร้าน)

  • ซอสสตอเบอรี่ / บลูเบอรี่ / มิกซ์เบอรี่ / เชอรี่ / ราสเบอรี่
  • ซอสมะม่วง / มะม่วงเสาวรส / เลม่อน
  • ซอสมะพร้าว / สังขยาใบเตย / สังขยาชาไทย / นมฮอกไกโด  
  • ซอสช็อกโกแลต / นูเทลล่า / ช็อกโกแลตกานาซ

วิธีการเก็บรักษาขนม

  • เก็บในตู้เย็นช่องชิล (ช่องธรรมดา) สามารถเก็บได้ 2-3 วัน  (ไม่สามารถเข้าฟลีสได้เนื่องจากเป็นครีมสดแท้)

  • หากทานยังไม่หมดให้นำเค้กกลับใส่กล่องเค้กเดิม หรือใส่ภาชนะอื่นที่มิดชิด ปิดฝาให้สนิท เพื่อป้องกันอากาศและความชื้นเข้า

  • ขนมสามารถอยู่ในอุณหภูมิห้องที่เปิดแอร์ได้ประมาณ  20-30 นาที (ครีมสดแท้) หลังจากนั้นครีมจะฝ่อตัวลง ขนมอาจเสียทรงได้ค่ะ

  • หากรับเค้กไว้รอเพื่อใช้งานโดยไม่มีตู้เย็นแนะนำให้เก็บในกล่องโฟม หรือกล่องเก็บความเย็น ที่บรรจุเจลเย็น/น้ำแข็งแห้ง จะช่วยยืดอายุเค้กได้ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ การเก็บรักษาแบบถูกวิธี)

**ทั้งนี้ ไม่ควรให้ขนมอยู่ที่อุณหภูมิห้องเกิน 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันขนมเสียค่ะ**

คำถามที่พบบ่อย

  • สั่งล่วงหน้า 1 - 2 วัน เค้กทั่วไป เค้กผลไม้ตามเงื่อนไข
  • สั่งล่วงหน้า 3-5 วัน สำหรับการสั่งในปริมาณที่เยอะเช่น Snack box
  • สั่งล่วงหน้า 5-7 วัน สำหรับงานโมเดลต่างๆ งานสั่งทำ (งานปั้นฟองดอง / งานแผ่นชูก้าชีทหรือแผ่นน้ำตาล / โฟโต้เค้กรูปภาพทานได้ / แผ่นชูก้า / แผ่นเวเฟอร์ คิดราคาแยกไม่รวมกับค่าเค้ก)

 

**ส่งฟรีในรัศมีไม่เกิน 5 กม.**

ส่งได้เฉพาะลูกค้าใน กทม. และปริมณฑล ทางร้านสามารถจัดส่งแบบกำหนดเวลาได้ค่ะ โดยใช้บริการ Grab car เท่านั้น (ค่าบริการคิดตามจริงและตามระยะทาง) หรือให้ทางร้านจัดส่งให้แบบมีค่าบริการ (เฉพาะเสาร์-อาทิตย์และวันหยุกนักขัตฤกษ์เท่านั้น)

**ไม่มีบริการส่งขนมเค้กต่างจังหวัด**

คุณลูกค้ามารับเองได้ตลอด 24 ชม. (เพราะร้านเป็นโฮมคิทเช่น) “โฮมคิทเช่น" คือการขายอาหารผ่านเดลิเวอรี่หรือครัวที่บ้าน หรือที่เรียกว่า "Ghost Kitchen" ซึ่งเป็นรูปแบบร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้าน แต่เป็นการเปิดครัวในพื้นที่ใดที่หนึ่งเพื่อส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ค่ะ

รบกวนยืนยันคำสั่งซื้อขนม โดยการชำระเงินค่าขนมและค่าส่ง โอนบัญชีธนาคารตามที่แอดมินสรุปยอด ลูกค้าสามารถโอนชำระเงินล่วงหน้า 1-2 วัน แล้วส่งสลิปเพื่อทำการจองคิวเท่านั้นค่ะ