ชาเขียวที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า [มัทจะ] มีต้นกำเนิดมาก่อนคริสตศักราช 2,700 ปีในประเทศจีน สมัยนั้นใช้กินเป็นยา
คณะอุปฑูตและเหล่านักบวชที่กลับมาจากจีนได้นำเอาเมล็ดชากลับมายังญี่ปุ่นด้วย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “โอะจะ” หรือชานั่นเอง
แรกเริ่มนั้นชาถูกใช้เป็นยาในหมู่ชนชั้นสูงและอภิสิทธิชน เป็นเครื่องดื่มที่มีมูลค่าสูง และมีความเชื่อกันว่าไม่สามารถที่จะเพาะปลูกชาทางเกษตรกรรมได้
ในปีค.ศ. 1191 ขณะที่นักบวชผู้มีนามว่า “เอไซ” กลับจากจีน นอกจากจะเอาเมล็ดชากลับมาแล้วเขายังนำเอาวิธีการชงชากลับมาเผยแพร่ โดยการเติมผงชาลงไปในน้ำอุ่น
โชกุน มินะโมะโตะ โนะ ซะเนะโตะโมะ ได้เขียนบทบันทึกเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของชาหนึ่งถ้วย ทำให้เกิดการเผยแพร่ในชนชั้นนักรบ
จากนั้นเริ่มมีการปลูกชาในอุจิและวัดโคซันจิ ถือได้ว่าเป็นแหล่งปลูกชาที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
ในยุคนันโบะคุโจ (ค.ศ. 1336 – 1392) ชาเป็นที่แพร่หลายในหมู่คนทั่วไป
ยุคมุโระมะจิ (ค.ศ.1336-1573) โชกุน อะชิคะกะ โยะชิมิซึ ได้ให้ความสำคัญกับสวนชาในอุจิ เป็นเหตุให้ชาอุจิมีชื่อเสียง
ชนชั้นนักรบ ได้พัฒนาการชงชาจนกลายเป็น “ฉะโด” หรือ วิถีแห่งการชงชา
ยุคเอะโดะ (ค.ศ. 1603 – 1867) มีการพัฒนาชาสีน้ำตาลให้เป็นชาเขียว โดยใช้เวลาในการพัฒนาถึง 15 ปีกว่าจะหาวิธีได้ ซึ่งด้วยวิธีการผลิตชาเขียวนี้ช่วยดึงกลิ่นและรสชาติให้มากขึ้นจนเป็นที่นิยม
ชาเป็นเครื่องดื่มที่ชงกินในสถานที่ จนเมื่อปีค.ศ. 1980 เริ่มมีชากระป๋อง, ชาบรรจุขวด pet และ ชาร้อนบรรจุภัณฑ์ขาย เปลี่ยนแปลงให้มีการดื่มชานอกสถานที่ในปีทศวรรษที่ 1990
ในยุคระยะหลัง ชา เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลกเพราะขึ้นชื่อเรื่องช่วยด้านสุขภาพ ทำให้คำว่า “MATCHA” เป็นที่รู้จักของผู้คนทั้งโลก โดยชาเขียวเพิ่งถูกนำมาใช้ในของหวานเมื่อยุคทศวรรษปี 2000 ที่ผ่านมานี่เอง
คุณประโยชน์ของ ชามัจจะ ช่วยป้องกันไม่ให้ค่าน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ทำให้หลับง่ายขึ้น ป้องกันไม่ให้เป็นหวัดและไข้หวัดใหญ่ ช่วยเผาผลาญไขมัน ป้องกันไม่ให้แก่เร็ว ช่วยเรื่องขับถ่าย ลดกลิ่นปาก ชะลออาการความจำเสื่อม
ประโยชน์ของชาเขียวมัทฉะ
มัทฉะ เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่พบได้ในร้านค้าเพื่อสุขภาพและร้านกาแฟ มีทั้งแบบช็อต ลาเต้ ชา และของหวานต่างๆ แม้จะเป็นชาเขียวเหมือนกัน แต่การปลูกมัทฉะนั้นแตกต่างจากชาเขียวทั่วไป มัทฉะมาจากต้นชาสายพันธุ์เดียวกันกับชาเขียว (Camellia sinensis) แต่เกษตรกรจะปลูกโดยให้ร่มเงาแก่ต้นชาเป็นส่วนใหญ่ การลดแสงแดดโดยตรงแบบนี้จะช่วยเพิ่มการผลิตคลอโรฟิลล์ เพิ่มปริมาณกรดอะมิโน และทำให้ใบชามีสีเขียวเข้มกว่า
หลังจากเก็บเกี่ยวใบชาแล้ว ผู้ผลิตจะนำไปแยกก้านใบออก เหลือเพียงใบชาบริสุทธิ์ แล้วนำไปบดละเอียดจนเป็นผงละเอียด นี่แหละคือมัทฉะ มัทฉะประกอบด้วยสารอาหารจากใบชาทั้งหมด จึงมีคาเฟอีนและสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวทั่วไป งานวิจัยเกี่ยวกับมัทฉะและส่วนประกอบของมันค้นพบประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยปกป้องตับ ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ และอาจช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย ต่อไปนี้คือ 4 ประโยชน์ของจากชาเขียวมัทฉะ
1. ใช้ทำขนมและเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้ง่าย
เนื่องจากเป็นผงชาเขียว ในรูปแบบบดละเอียด ทำให้ชาเขียวมัทฉะ เหมาะกับการนำมาทำขนมและเครื่องดื่ม ๆ ต่าง เพื่อให้ได้รสชาติแบบชาเขียว ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน อย่าง โมจิ บิงซู ชีสเค้กมัทฉะ มัทฉะบานอฟฟี่ ไอศกรีมรสชาเขียวมัทฉะ หรือ เครื่องดื่มอย่าง ชาเขียวมัทฉะ ทั้งแบบร้อน เย็น หรือ ปั่น ฯลฯ
2. ช่วยในการลดน้ำหนัก
ชาเขียวมัทฉะ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ สารคาเทซิน (cathechin) จำนวนมาก ซึ่งมีฤทธิ์ในการช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน จึงเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในหลอดเลือดให้ปกติ ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานด้วย
3. ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ
นอกจากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว สารคาเทซินยังเข้าไปช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในหลอดเลือด (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอที่ดี (HDL) ในขณะเดียวกัน ทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินในหลอดเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไขมันอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ
4. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
สารคาเทซิน ในชาเขียวมัทฉะ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้มีฤทธิ์ในการยับยั้งการแพร่กระจายและการอักเสบที่เกิดจากเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยจากงานวิจัยพบว่ามันสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่