สารบัญ
- หัวใจหลักที่ทำให้เกิดเป็นขนมปัง
- หลักการทำงานของยีสต์
- มาดูคำถาม 5 ข้อเกี่ยวกับคุณสมบัติของส่วนผสมต่างๆ ในขนมปัง
- แนะนำวิธีทำขนมปัง 4 สูตรอร่อยยอดฮิต
- สรุปเข้าใจหลักวิธีการทำขนมปัง และคุณสมบัติของส่วนผสมต่างๆ ในขนมปัง
เมนูขนมปังที่หลายคนชอบรับประทาน เบื้องหลังเกิดขึ้นจากการผสมผสานกันของศิลปะและวิทยาศาตร์ ศาสตร์แห่งขนมปัง หากเราได้เรียนรู้และเข้าใจ วิธีทำขนมปัง ในการทำงานของส่วนผสมหลักอย่างแท้จริง ก็จะสามารถทำขนมปังออกมาได้ถูกต้อง เนื้อนุ่มฟู รสชาติอร่อย อีกทั้งยังสามารถพลิกแพลงเป็น เมนูขนมปัง รูปแบบต่างๆ ได้ดีอีกด้วย
Bread at HÖME
ขนมปัง , โดนัท , ขนมเค้ก , ของทางเล่น , พิซซ่าโฮมเมด
หัวใจหลักที่ทำให้เกิดเป็นขนมปัง
ขนมปัง (bread) เป็นอาหารที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยเกิดจากการจับเอาวิทยาศาสตร์และศิลปะมารวมกัน ในสมัยก่อนขนมปังทำจากส่วนผสมเพียงแค่ 4 อย่าง ได้แก่ แป้งสาลี ยีสต์ น้ำ และเกลือ แต่ต่อมาได้มีการพัฒนาเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ เข้าไป ทำให้เกิดเป็นความหลากหลายของขนมปังขึ้น หัวใจของการทำขนมปังคือการเรียนรู้และทำความเข้าใจในขั้นตอนการทำงานของส่วนผสม ซึ่งใครก็ตามที่อยากลุกขึ้นมาลองทำขนมปังก็ล้วนแต่ต้องการให้ขนมปังออกมาดีและอร่อยทั้งนั้น โดยคุณภาพของขนมปังที่ออกมานั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
ขนมปัง เกิดขึ้นจากส่วนผสมหลักเพียง 4 อย่าง โดยเมื่อนำมาผสมกันแล้วจะเกิดกระบวนการทางวิทยาศาตร์ที่ซับซ้อนขนาดเล็กจิ๋ว และหลังจากที่นำเข้าเตาอบจนสุกแล้ว จะได้เป็นเมนูขนมปังร้อนๆ เนื้อแป้งนุ่มฟู กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั้งครัว
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง : ขนมปังโฮมเมด อบจากเตา
ส่วนผสมที่เป็นหัวใจหลักของขนมปังทั้ง 4 อย่างได้แก่
1. แป้งสาลี
เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด โดยภายในแป้งจะมีโปรตีนอยู่ 2 ชนิดคือ กลูเตนิน (glutenin) และเกลียดิน (gliadin) เมื่อรวมตัวกับน้ำและผ่านการนวดผสม จะสร้างกลูเต็น (gluten) ที่ทำให้โครงสร้างของเนื้อขนมปังเกิดความเหนียว และมีความยืดหยุ่นขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ที่ยีสต์สร้างขึ้น จึงทำให้ขนมปังเกิดความฟูขึ้นมา
2. ยีสต์
เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหาร โดยจะทำหน้าที่ย่อยสลายน้ำตาลที่อยู่ในแห้งให้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่จะทำให้ขนมปังมีความนุ่มฟู
3. ของเหลว
จะทำให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้าด้วยกัน เช่น น้ำ, นม, ครีม ซึ่งจะช่วยให้ขนมปังมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และนุ่มยิ่งขึ้น
4. เกลือ
ในการทำขนมปังจะใช้เกลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากใส่เยอะไปจะทำให้ยีสต์หมักได้ช้าลง โดยเกลือจะเข้าไปทำให้โครงสร้างของกลูเต็นเกิดความแข็งแรง ขนมปังจึงมีความหนาแน่น อีกทั้งยังช่วยให้ขนมปังมีกลิ่นและรสชาติให้โดดเด่นขึ้นมา
ส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำตาล เนย นม ไข่ น้ำมัน เป็นตัวปรับรสชาติ เนื้อสัมผัสความนุ่มให้กับขนมปัง เพราะส่วนผสมเพียง 4 อย่างข้างต้นเป็นพื้นฐานการทำขนมปังสไตล์ยุโรปที่เป็นลักษณะขนมปังเปลือกแข็ง (Hard crust bread) ซึ่งต้องใช้การหมักระยะเวลานานขนมปังจึงอร่อยและมีลักษณะเฉพาะคือเปลือกแข็ง ด้านในนุ่ม แต่ถ้าเป็นขนมปังสไตล์เอเชียจะใส่น้ำตาลและไขมันเข้าไปด้วยเพื่อให้เนื้อขนมปังออกมานุ่มนิ่ม
ดังนั้นความสนุกและท้าทายของการทำขนมปังคือ การสร้างบรรยากาศให้ยีสต์หายใจและเติบโตอย่างมีความสุข และค่อยๆ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ภายใตขั้นตอนการทำขนมปังต่างๆ ดังนี้
- การผสมแป้งโด [Mixing]
- การปล่อยให้แป้งโดทั้งก้อนขึ้นฟู [Bulk fermentation]
- ตัดแบ่งและขึ้นรูป [Dividing and shaping]
- การปล่อยให้แป้งโดขึ้นฟูอีกครั้ง [Proofing]
- อบขนมปัง [Baking]
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง : เบเกอรี่โฮมเมด คืออะไร
หลักการทำงานของยีสต์
ใครเคยสัมผัสโดขนมปังนุ่มๆ รับรองว่าจะต้องหลงรักทุกราย เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และทุกครั้งที่ขนมปังออกจากเตา ก็จะสนุกยิ่งขึ้นตรงลุ้นว่ามันจะนุ่มไหม? เนื้อละเอียดดีไหม? อร่อยไหม? แม้กระทั่งมีข้อสงสัยตามมา ให้เราทบทวนสิ่งที่ทำลงไป เพราะขนมปังเป็นหนึ่งในเบเกอรีที่ใช้วัตถุดิบพื้นฐานน้อยสุด ได้แก่ แป้ง ยีสต์ เกลือ และน้ำ แต่กลับมีปัจจัยหลายอย่างระหว่างการทำ ที่ทำให้ผลลัพธ์ขนมปังออกมาไม่เหมือนกัน เพราะเรากำลังเล่นกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ยีสต์‘ นั่นเอง
ยีสต์จะเริ่มขยันและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียสเป็นต้นไป ดังนั้นเราต้องผสมหรือนวดแป้งโดให้เกิดกลูเตนก่อนที่ยีสต์จะทำงาน (เคล็ดลับสำหรับการทำขนมปังในประเทศเมืองร้อนอย่างบ้านเราก็คือการปรับน้ำในส่วนผสมให้เป็นน้ำเย็นจัด เพื่อช่วยชะลออุณหภูมิของโดไม่ให้ร้อนเร็วเกินไป)
เมื่อแป้งโดผสมได้ที่ เช็กโดยใช้วิธี window pane test (ดูหลักการด้านล่าง) จึงเก็บแป้งให้เรียบตึงเป็นก้อนกลม เสมือนการปิดประตูบ้านให้มิดชิด เตรียมพร้อมให้ยีสต์ปล่อยก๊าซออกมาได้เต็มที่ เราจะพักแป้งโดไว้ที่อุณหภูมิห้อง แป้งโดจึงฟูขึ้นอีกเท่าตัว ใช้ระยะเวลาประมาณอยู่ที่ 1 ชั่วโมง หรือแล้วแต่อุณหภูมิห้อง ขั้นตอนนี้เรียก bulk fermentation หลังจากนั้นจึงนวดไล่อากาศออก (punching) เพื่อตัดแบ่งและขึ้นรูปเป็นบ้านหลังย่อยๆ ให้ยีสต์หายใจต่อไปอีก ขนมปังก็จะขึ้นฟูอีก แต่อยู่ในรูปทรงที่เราต้องการ ทีนี้เมื่อฟูเป็นสองเท่าจึงนำขนมปังเข้าเตาอบ (อุณหภูมิแตกต่างกันตามประเภทขนมปัง) ยีสต์จะยังคงปล่อยก๊าซออกมาตลอดจนถึงอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสยีสต์ก็จะตาย พอดีกับที่ขนมปังของเราอบสุก
มาดูคำถาม 5 ข้อเกี่ยวกับคุณสมบัติของส่วนผสมต่างๆ ในขนมปัง
เมื่อเราเข้าใจหลักการทำงานของยีสต์แล้ว มาดูคำถาม 5 ข้อ ที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการทำขนมปังดีกว่า
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง : ธุรกิจโฮมเมด
1. ผสมแป้งโดอย่างไร ? [Mixing]
ให้คิดเสียว่ามีวัตถุดิบ 3 ประเภท คือ ของแห้ง ของเหลว และไขมัน (ของแห้งเช่น แป้ง เกลือ น้ำตาล ยีสต์ กระทั่งส่วนผสมรสชาติอื่นๆ เช่น นมผง ของเหลว เช่น น้ำ นม ไข่ไก่ และไขมัน เช่น เนยสด เนยขาว) เราต้องเอาของเหลวค่อยๆ เทใส่ลงในของแห้งขณะที่ใช้อีกมือคนผสมให้เข้ากัน นวดจนเริ่มเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงใส่ส่วนผสมที่เป็นไขมัน เพราะไขมันเป็นตัวขัดขวางการเกิดกลูเตน เราจึงมักใส่เนยหลังจากที่นวดแป้งกับน้ำให้เข้ากันแล้ว (กลูเตนเริ่มเกิดแล้ว)
2. เช็กแป้งโดอย่างไรว่านวดได้ที่แล้ว ? [Bulk fermentation]
เราเรียกว่า windowpane test เมื่อโดเกิดกลูเตนเต็มที่ หากเราหยิบมุมแป้งขึ้นมามุมหนึ่งแล้วค่อยๆ ยืดออกได้เป็นแผ่นบางใสๆ จนมองเห็นนิ้วของเราที่อยู่ด้านหลังเนื้อแป้งได้ โดยเนื้อโดไม่ขาดง่ายๆ แสดงว่าโดของเราได้ที่แล้ว
3. โดขึ้นฟูได้ที่ คือขนาดไหน ? [Proofing]
การพรูฟหรือการหมักขนมปังให้ขึ้นฟูจะอยู่ที่อุณหภูมิประมาณ 27-32 องศาเซลเซียสเป็นต้นไป ขั้นตอนนี้สำคัญตรงที่เมื่อยีสต์ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้โดขยายตัวและพองออก เส้นใยกลูเตนจะอ่อนนุ่มลงจนยืดออกและกักเก็บก๊าซที่กำลังถูกปล่อยมาเรื่อยๆ จนโดขยายตัวเป็น 2 เท่า บางครั้งถ้าทิ้งโดไว้นานเกินจะทำให้โครงสร้างกลูเตนด้านในกลับอ่อนแรงลง เรียกว่าการ over proof ดังนั้นนอกจากสังเกตได้ด้วยตาแล้วว่าโดขึ้นเป็น 2 เท่า เราทดสอบโดยการใช้นิ้วชี้แตะแป้งแล้วจิ้มทแยงไปบนผิวโด เมื่อเอานิ้วออกแล้ว รอยนิ้วจิ้มจะกลับมาแคบลง แปลว่าโครงสร้างด้านในยังแข็งแรงและยังมีกำลังขยายตัวอยู่
4. ขึ้นรูปขนมปังให้ดีทำอย่างไร ? [Dividing and shaping]
การขึ้นรูปขนมปังจะทำหลังจากเราปล่อยให้ยีสต์หายใจไปรอบแรกแล้วทั้งก้อนใหญ่ (หรือการ bulk fermentation) หลังจากนั้นจะไล่อากาศออก แบ่งเป็นชิ้นตามต้องการ และขึ้นเป็นรูปต่างๆ ขั้นตอนนี้สำคัญตรงที่หลังจากเราตัดแบ่งโดตามน้ำหนักที่ต้องการแล้ว ควรพักคลึงให้เป็นก้อนกลมและพักให้โดคลายตัวสัก 5-10 นาที ก่อนที่จะขึ้นเป็นรูปต่างๆ มิเช่นนั้นแป้งโดจะหดตัวขณะคลึงหรือขึ้นรูป
5. อบขนมปังที่อุณหภูมิเท่าไหร่ ? [Baking]
อุณหภูมิอบขนมปังส่วนใหญ่อยู่ที่ 180-200 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับขนาดและเนื้อขนมปังที่อบ เช่น ขนมปังที่มีน้ำตาลและไขมันมากมักอบที่ 180 องศาเซลเซียส ส่วนขนมปังไขมันต่ำ (lean dough) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขนมปังสไตล์ยุโรปจะอบที่อุณหภูมิ ประมาณ 200-220 องศาเซลเซียส การอบทำให้ขนมปังขยายตัวจนโพรงอากาศโครงสร้างด้านในเซตตัว และมีผิวเหลืองสวย ส่วนเนื้อในขนมปังก็จะสุกนุ่มกำลังดี หลังจากอบเสร็จต้องเอาออกจากพิมพ์ทันที ไม่ควรปล่อยให้ขนมปังร้อนแฉะอยู่ในพิมพ์ นำออกจากพิมพ์แล้วพักให้เนื้อในขนมปังระอุสุกต่ออีกสักนิดก่อนที่จะตัด
แนะนำวิธีทำขนมปัง 4 สูตรอร่อยยอดฮิต
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับส่วนผสมหลักของการทำขนมปังแล้ว หากใครอยากจะเริ่มลงมือทำขนมปังดูบ้าง เราได้เตรียมวิธีทำขนมปัง 4 สูตรอร่อย รับรองเลยว่าหอมกรุ่น เนื้อฟูนุ่มอร่อย ถูกใจหลายคนแน่นอนค่ะ
1.ขนมปังเนยสด 2.ขนมปังลูกเกด 3.ขนมปังไส้กรอก 4.ขนมปังหมูหยองมายองเนส
1. ขนมปังเนยสด
เมนูขนมปังสุดฮิตที่มาพร้อมกับเนื้อขนมปังนุ่มๆ ตัดกับความหอมหวานฉ่ำของเนยสด และเพิ่มความฟินด้วยไอซิ่งหรือน้ำตาลตามใจชอบ เป็นเมนูที่ทั้งเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ก็ต้องหลงรัก และทานง่ายมากๆ ทำติดบ้านเอาไว้เลยยังไงก็หมด!
ส่วนผสม
สูตรนี้ทำขนมปังเนยสดได้ จำนวน 8 ชิ้น ขนาดชิ้นละ 50 กรัม
- แป้งขนมปัง 160 กรัม
- แป้งสาลี 40 กรัม
- ยีสต์ 5 กรัม
- เนยสด 40 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- นมสด 90 กรัม
- น้ำตาล 50 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำขนมปังเนยสด
- ขั้นตอนแรกให้เตรียมชามผสมก่อนจะใส่ไข่ไก่ 1 ฟอง ตามด้วยนมสด 90 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา และน้ำตาล 50 กรัม แล้วจึงคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนน้ำตาลละลาย และพักทิ้งไว้
- ใช้ชามผสมใบใหม่สำหรับเตรียมของแห้ง ใส่แป้งขนมปัง 160 กรัม แป้งสาลี 40 กรัม และยีสต์ 5 กรัม พร้อมคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
- นำชามผสมแรกที่ใส่ของเหลวเอาไว้มาเทผสมกับชามผสมแป้ง แล้วจึงตะล่อมส่วนผสมทั้งหมด จนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
- หลังจากนั้นใส่เนยสดอุณหภูมิห้องปริมาณ 40 กรัมตามลงไป ตีส่วนผสมด้วยความเร็วปานกลางจนรู้สึกว่าเนื้อแป้งเริ่มเนียน แนะนำให้เช็คแป้งโดยการนำแป้งมาลองขึงเป็นแผ่นฟิล์ม ถ้าไม่แป้งไม่ขาดออกจากกันแสดงว่าแป้งใช้ได้แล้ว
- นวดแป้งให้แป้งคลายตัวจากความเป็นก้อนเล็กน้อย แล้วจึงนำแป้งไปพักใส่ชามผสมไว้ ก่อนจะใช้แร็ปพลาสติกปิด และพักแป้งจนกว่าขนาดของแป้งจะขยายตัวใหญ่ขึ้นประมาณ 2 เท่า (วิธีเช็คว่าแป้งขยายตัวขึ้นแล้วคือถ้าจิ้มลงไปบนแป้งจนเป็นรู แป้งจะไม่เด้งตัวหดกลับ แสดงว่าใช้ได้แล้ว)
- นำแป้งมาตัด แบ่งให้แต่ละก้อนมีขนาดก้อนละ 50 กรัม แล้วจึงนำมาคลึง ปั้นให้เป็นกันกลมๆ (หรือปั้นเป็นรูปทรงตามใจชอบ) แล้วจึงนำใส่กระดาษรองอบ หรือแม่พิมพ์ พักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีเพื่อให้แป้งขยายตัวอีกรอบ ระหว่างนี้วอร์มเตาอบรอ
- ก่อนอบทาด้วยไข่เจือน้ำบางๆ เพื่อให้หน้าขนมปังออกมาเงาสวย
- อบไฟบน-ล่าง 180 องศา ประมาณ 15 นาที เมื่อครบเวลานำออกมาทาด้วยเนยบางๆ พักไว้บนตะแกรงให้เย็นสนิท
- นำมาทาด้วยเนยสดให้ฉ่ำไปทั่วหน้า ก่อนจะตามด้วยโรยไอซิ่ง หรือน้ำตาลตามใจชอบ พร้อมนำเสิร์ฟได้เลย
2. ขนมปังลูกเกด
เมนูขนมปังที่เชื่อว่าหลายคนต้องเคยทานแน่นอน เพราะเป็นขนมปังที่ทานง่าย หยิบมาทานคู่กับชาหรือกาแฟก็อร่อยเข้ากัน แถมสูตรวิธีทำขนมปังลูกเกดที่เราเอามาฝาก ก็หวานกลมกล่อมอร่อยลงตัวสุดๆ
ส่วนผสม
สูตรนี้ทำขนมปังลูกเกดได้ จำนวน 3 ชิ้น ขนาดชิ้นละ 200 กรัม
- แป้งขนมปัง 350 กรัม
- แป้งสาลี 150 กรัม
- ยีสต์ 10 กรัม
- นมผง 20 กรัม
- นมสด 300 กรัม
- ไข่ 1 ฟอง
- น้ำตาล 100 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- เอสพี 5 กรัม
- เนยสด 100 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- ลูกเกดสำหรับใส่ในแป้ง 120 กรัม
- ลูกเกดสำหรับใส่ในไส้ 100 กรัม (เพิ่มปริมาณได้ตามใจชอบ)
วิธีทำขนมปังลูกเกด
- วิธีทำขนมปังลูกเกดขั้นตอนแรกให้เทแป้งสาลี 150 กรัม และแป้งขนมปัง 350 กรัมลงในชามผสมของแห้ง ก่อนจะตามด้วยนมสดผง 20 กรัม และยีสต์ 10 กรัม คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และพักทิ้งไว้
- เตรียมชามผสมใบใหม่ใส่นมสด 300 กรัม น้ำตาลทราย 100 กรัม เกลือ1/2 ช้อนชา และตามด้วยไข่ไก่ 1 ฟอง
- เทส่วนผสมของเหลวลงในอ่างชามแป้ง และตีผสมเข้าด้วยกันด้วยความเร็วต่ำ ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน
- เติมเนยสดจืด 100 กรัม เอสพี 5 กรัม และตีความเร็วปานกลาง จนสังเกตว่าแป้งเริ่มเนื้อละเอียดขึ้น จนเริ่มหลุดออกไม่ติดตามอ่าง แล้วจึงใส่ลูกเกด 120 กรัม ลงไปผสมกับแป้ง และตีด้วยความเร็วต่ำให้เข้าด้วยกันจนเนื้อแป้งเนียนละเอียด และแป้งเริ่มเป็นฟิล์มบางๆ
- นำแป้งที่ได้แร็ปปิดด้วยพลาสติก พักแป้งทิ้งไว้เพื่อแป้งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นประมาณสองเท่า วิธีสังเกตว่าแป้งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแล้วคือเมื่อใช้นิ้วกดลงไปที่ตัวแป้งแล้วแป้งจะไม่เด้งกลับคืน แสดงว่าแป้งพร้อมใช้งานแล้ว
- นำแป้งออกมาตัดแบ่งให้มีขนาดก้อนละประมาณ 200 กรัม ก่อนจะนำแป้งมาคลึงให้แบนเป็นแนวยาว แล้วใส่ไส้ลูกเกดตามจำนวนที่ต้องการ แล้วม้วนกลับให้กลายเป็นก้อนกลม หรือขนาดตามแม่พิมพ์
- นำแป้งวางในพิมพ์ที่ทาด้วยเนย หรือน้ำมันไว้แล้ว ก่อนจะพักแป้งทิ้งไว้อีกรอบเพื่อให้แป้งมีขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้นจนรู้สึกว่าใหญ่คับแม่พิมพ์ ระหว่างนี้วอร์มเตาอบรอก่อนได้เลย
- ทาด้วยไข่ที่ผสมน้ำก่อนนำเข้าอบ พร้อมอบด้วยไฟบน-ล่าง 180 องศา ประมาณ 30 นาที
- วิธีทำขนมปังลูกเกดขั้นตอนสุดท้ายเมื่อนำออกมาทาหน้าขนมปังด้วยเนยเพื่อให้เกิดเงาสวย แล้วจึงนำออกจากพิมพ์ พักทิ้งไว้ให้เย็น พร้อมนำเสิร์ฟคู่กับชาหรือกาแฟแล้ว
3. ขนมปังไส้กรอก
เมนูขนมปังที่คนชื่นชอบไส้กรอกจะต้องหลงรัก มีวิธีทำที่ไม่ยาก ทำได้บ่อยๆ จะทำเป็นเมนูอาหารเช้าหรือเป็นเมนูของว่างระหว่างวันก็ทานได้บ่อยไม่มีเบื่อ
ส่วนผสม
สูตรนี้ทำขนมปังไส้กรอกได้ จำนวน 18 ชิ้น ชิ้นละ 15 กรัม
- แป้งขนมปัง 500 กรัม
- นมผง 20 กรัม
- ยีสต์ 10 กรัม
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- เกลือ 10 กรัม
- น้ำเปล่า 250 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- เนยจืด 50 กรัม
- เนยขาว 50 กรัม
- ไส้กรอก
วิธีทำขนมปังไส้กรอก
- เปิดเตาอบด้วยไฟบน-ล่างที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมไว้
- ใส่แป้งขนมปัง 500 กรัม ตามด้วยนมผง 20 กรัม ตามด้วยยีสต์ 10 กรัม น้ำตาลทราย 100 กรัม และเกลือ 10 กรัมตีผสมให้เข้ากันด้วยความเร็วต่ำ
- หลังจากนั้นเติมน้ำเปล่า 250 กรัม และไข่ไก่ 1 ฟองลงไปตีด้วยจนเข้ากัน
- ใส่เนยจืด 50 กรัม และเนยขาว 50 กรัม ตีต่อไปเรื่อยๆ จนเนื้อส่วนผสมเนียนละเอียดขึ้น
- นำแป้งพักในชามผสม และแร็ปพลาสติกเพื่อพักแป้งทิ้งไว้เพื่อให้แป้งขยายตัวใหญ่ขึ้น
- เมื่อได้ที่แล้วนำแป้งมาตัดแบ่งให้ได้ก้อนละ 50 กรัม แล้วจึงคลึงแป้งแต่ละก้อนให้เป็นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พร้อมนำใส่กรอกมาวาง แล้วม้วนไส้กรอกจนมิด แล้วจึงตัดแบ่งเป็น 3 ท่อน
- พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ขนมปังขึ้นฟูเป็นสองเท่า ระหว่างนี้วอร์มเตาอบรอได้เลย
- นำขนมเข้าอบด้วยไฟบน-ล่างที่อุณหภูมิ 180 องศา อบประมาณ 35 นาที
- นำออกออกจากเตา พักให้หายเย็น พร้อมเสิร์ฟ
4. ขนมปังหมูหยองมายองเนส
เพิ่มความอร่อยให้กับขนมปังมากยิ่งขึ้น ด้วยไส้ขนมปังสุดโปรดของใครหลายคนนั่นคือหมูหยองนั่นเอง! และเมื่อมาตัดความหวานของหมูหยองด้วยมายองเนสที่ให้ความมันมาอยู่บนขนมปังนุ่มๆ ยิ่งเข้าคู่ลงตัวมากๆ
ส่วนผสม
สูตรนี้ทำขนมปังหมูยองมายองเนส ได้จำนวน 5 ชิ้น ขนาดชิ้นละ 50 กรัม
- แป้งขนมปัง 250 กรัม
- แป้งสาลี 100 กรัม
- นมผง 20 กรัม
- ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ
- นมสด 200 กรัม
- น้ำตาล 70 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- ไข่ 1 ฟอง
- เนยสด 80 กรัม
- เอสพี 5 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- สูตรหมูหยองมายองเนส
- หมูหยองผสมมายองเนส 100 กรัม (หรือปริมาณตามใจชอบ)
วิธีทำขนมปังหมูหยองมายองเนส
- วิธีทำขนมปังหมูหยองมายองเนสขั้นตอนแรกให้นำแป้งขนมปัง 250 กรัม แป้งสาลี100 กรัม ตามด้วยนมผง 20 กรัม และยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
- เตรียมชามผสมใบใหม่สำหรับของเหลวให้ใส่เกลือ 1/2 ช้อนชา ตามด้วยนมสด 200 กรัม และไข่ไก่ 1 ฟอง ตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
- นำชามผสมของเหลวมาเทใส่ชามผสมแป้ง แล้วจึงเริ่มตีผสมกันด้วยความเร็วต่ำ จนแป้งและส่วนผสมของเหลวเป็นเนื้อเดียวกัน (ไม่ต้องเนื้อละเอียดมาก) จึงใส่เนยสด 80 กรัม ตามด้วยเอสพี 5 กรัม พร้อมตีส่วนผสมต่อจนเนื้อเริ่มเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน และให้เช็คว่าถ้าหากส่วนผสมได้ที่แล้วเนื้อแป้งจะนำมาทำเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ แบบไม่ขาดได้
- หลังจากนั้นนำแป้งมาพักไว้ พร้อมแร็ปพลาสติกปิด พักแป้งทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีจนแป้งขยายตัวฟูขึ้นเป็นสองเท่า และให้เช็คด้วยวิธีการจิ้มลงไปที่ไปถ้าแป้งที่ขยายไม่เด้งหดกลับตัว แสดงว่าแป้งใช้ได้แล้ว แล้วจึงนำแป้งมาใช้ไม้ทุบเพื่อไล่อากาศออก
- ตัดแบ่งแป้งให้ได้ก้อนละประมาณ 50 กรัม แล้วจึงนำมารีดให้เป็นแผ่นแบนแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าเตรียมใส่ไส้
- ใส่ไส้หมูหยองที่นำไปผสมกับมายองเนสแล้วเรียบร้อย โดยใส่ไส้ให้ชิดด้านเข้าหาตัว ก่อนจะพันหมุนตัวแป้งให้เป็นก้อน ทำแบบนี้จนครบทุกชิ้น ก่อนจะวางที่ถาดเตรียมอบที่ทาเนยไว้แล้ว พร้อมทาไข่ที่ผสมน้ำจางๆ บนขนมปังก่อนอบ
- อบด้วยไฟบน-ล่างอุณหภูมิ 180 องศา ประมาณ 30 นาทีจนได้สีเหลืองทองสวย เมื่อสุกแล้วนำออกจากเตาทาไข่ผสมน้ำอีกรอบ พักจนหายร้อน พร้อมนำเสิร์ฟได้เลย
สรุปเข้าใจหลักวิธีการทำขนมปัง และคุณสมบัติของส่วนผสมต่างๆ ในขนมปัง
อยากทำขนมปังออกมาอร่อยถูกต้อง ก็ต้องเรียนรู้ส่วนผสมหลักให้ครบ แล้วลองนำ 4 เมนูขนมปังที่เราได้แนะนำไปลองทำและฝึกฝนให้บ่อยจนชำนาญ คุณก็จะได้พบกับขนมปังที่มีความอร่อย หอมกรุ่นจากเตา ยิ่งอบเสร็จใหม่ๆ แล้วหยิบมาทานก็จะต้องติดใจแน่นอนค่ะ
สุดท้ายนี้แอดมินว่า เมนูขนมปัง เนื้อนุ่มที่คิดว่าหลายคนต้องชอบและอยากลองทำไว้กินเองสนุกๆ ที่บ้าน ลองใช้หลักการทำงานของยีสต์ที่กล่าวมาข้างต้น ร่วมกับการใช้ประสาทสัมผัสที่มีอยู่ของเรา คิดว่าน่าจะทำให้การทำขนมปังของเพื่อนๆ สนุกขึ้นแน่ๆ เชียวละ
เมนูขนมที่น่าสนใจ by Bread at HÖME
พิซซ่าสไตล์นาโปลี ต้นตำรับ 100% พิซซ่าเตาฟืน ถาดละ 259฿ [ขนาด 8 นิ้ว]
ความพิเศษของพิซซ่าที่นี่ อยู่ตรงสูตรแป้งและส่วนผสมที่ลงตัว บวกกับความกรอบบางของพิซซ่าซึ่งอยู่ตรงกลางแผ่น ส่วนขอบพิซซาถูกอบจนหนานุ่มละมุนลิ้น เบื้องหลังความอร่อยคือการอบด้วยเตาอบแบบต้นตำรับซึ่งใช้ที่เมืองนาโปลี ประเทศอิตาลี
บานอฟฟี่พาย กล้วยหอม เนื้อนุ่มละมุน หวานคาราเมล อร่อยฟิน
บานอฟฟี่ พายสไตล์อังกฤษ ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานที่น่าลิ้มลอง ด้วยความหวานจากกล้วย ผสมกับครีมและนมข้นหวานมัน กินคู่กับบิสกิต
เค้กช็อกโกแลต 1 ปอนด์ เนื้อบัตเตอร์ครีมใช้เนยแท้ ช็อกโกแลตแท้ โกโก้แท้ CHOCOLATE CAKE 1/2 ปอนด์ ฿590 1 ปอนด์ ฿890 2ปอนด์ ฿1190
เค้กช็อกโกแลต เนื้อเค้กเป็นบัตเตอร์ผสมแป้งอัลมอลด์ บัตเตอร์ครีมใช้เนยแท้ ช็อกแท้ โกโก้แท้
เค้กนมสดฮอกไกโด [CREAMY MILK HOKKAIDO CAKE] น้อนนหมีเป็นบัตเตอร์ครีม ครีมนุ๊มนุ่มไม่หวานจนเลี่ยน อร่อยที่สุด
เค้กนมสดฮอกไกโด น้อนนหมีเป็นบัตเตอร์ครีม ครีมนุ๊มนุ่มไม่หวานจนเลี่ยน อร่อยที่สุด
เค้กส้มลาวา สไตล์มินิ ORANGE LAVA CAKE 65฿
เนื้อเค้กเป็นสปันจ์เนย (เนื้อเค้กมีส่วนผสมของเมล็ดวนิลาแท้) แป้งญี่ปุ่น ไร้สารเสริม ไม่มีไขมันทรานส์ตกแต่งด้วยผลไม้ตามฤดูกาล
เค้กกาแฟ คาราเมลแมคคาเดเมียคอฟฟี่เค้ก วิปครีมรสกาแฟเข้มข้น หวานมัน 1/2 ปอนด์ ฿490 1 ปอนด์ ฿690 2 ปอนด์ ฿890
เค้กเข้มๆหอมๆหวานมันมาแล้วจ้าาา เค้กกาแฟ แต่งหน้าตรงกลางเค้กด้วยถั่วแมคคาดาเมียเคลือบคาราเมลกาแฟ เข้มข้น หวานมัน
ขนมปังฮอกไกโด สตอว์เบอรี่ครีมสด ชิ้นละ 25฿
Hokkaido Bread Fresh Strawberry Cream ขนมปังแป้งญี่ปุ่น ใช้เนยแท้ นมฮอกไกโดแท้ ไร้สารเสริม ไม่มีไขมันทรานส์
เค้กกบเคโระ อ๊บอ๊บ ตะมุตะมิน่ารักไม่ไหว การ์ตูนน่ารัก ๆ ที่เด็กๆชอบ KERO CAKE
การ์ตูนน่ารักๆ ที่เด็กๆชอบ เค้กกบเคโระ อ๊บอ๊บ ตะมุตะมิ น่ารัก ๆ ไม่ไหว